วันอาทิตย์ที่ 11 กรกฎาคม พ.ศ. 2553

From forword mail


ฉันเกิดในหมู่บ้านบนภูเขาที่ห่างไกลผู้คน

แต่ละวันพ่อแม่ของฉันต้องพรวนดินในไร่ท่าม กลางแดดที่ร้อนระอุ

ฉันมีน้องชายอยู่หนึ่งคน อายุน้อยกว่าฉัน 3 ปี

วันหนึ่งฉันขโมยเงินของพ่อเพื่อไปซื้อผ้าเช็ด หน้าที่เพื่อนๆ

ของฉันมีกัน

จากนั้นพ่อก็รู้เรื่อง

พ่อ ให้ฉันกับน้องคุกเข่าหันหน้าเข้าหากำแพง

โดยที่ในมือพ่อมีก้านไม่ ไผ่อยู่หนึ่งก้าน
' ใครขโมยเงินไป' พ่อตวาด

ฉันกลัวมาก ไม่กล้าพูดอะไรออกไป น้องชายฉันก็เช่นกัน

พ่อจึงเอ่ยขึ้นว่า

' ก็ได้ ในเมื่อไม่มีคนรับสารภาพก็ต้องโดนลงโทษทั้งคู่นั่นล่ะ'

พ่อชูก้านไม้ไผ่ในมือขึ้น

ทัน ใดนั้น น้องชายของฉันก็ลุกขึ้นคว้าข้อมือของพ่อไว้....แล้วพูดว่า
' ผมขโมยเองครับ'

ก้านไม้ไผ่ก้านนั้นได้กระหน่ำลง บนหลังของน้องของฉันอย่างต่อเนื่อง

พ่อโกรธมาก พ่อตีน้องของฉันไม่หยุด

จนพ่อหอบด้วยความเหนื่อย

พ่อนั่งลง บนเก้าอี้

และด่าว่าน้องชายของฉัน
' ของคนในบ้านแกเอง แกยังขโมยได้ต่อไปแกจะทำชั่วอะไรอีก

แกน่าจะโดนตีให้ตาย ไอ้หัวขโมย'

คืนนั้น ฉันกับแม่กอดน้องชายของฉันไว้
หลังของน้องมีแผลเต็มไปหมด

แต่เขาไม่ได้ร้องไห้แม้แต่น้อย

กลางดึกคืนนั้น ฉันนอนร้องไห้เสียงดัง และนานมาก

น้องเอามือเล็กๆ ของเขามาปิดปากฉันไว้ แล้วพูดว่า

'
พี่ครับไม่ต้องร้องไห้นะมัน ผ่านไปแล้ว'
ยังไงฉันก็อดที่จะเกลียดตัว เองไม่ได้
!
ที่ไม่มีความกล้าจะบอกความจริงกับ พ่อ
หลายปีผ่านไป

แต่เหมือนกับว่าเหตุการณ์ มันเพิ่งเกิดเมื่อวานนี้เอง

ฉันไม่อาจลืมคำพูดของน้อง ชายตอนที่เขาปกป้องฉันได้เลย

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 8 ปี ส่วนฉันอายุ 11 ปี...

เมื่อตอนที่น้องชายของฉัน ใกล้จบ ม.ต้น

เขาได้รับการตอบรับจากโรงเรียน

ม.ปลาย ว่าเขาสอบได้ ในขณะที่ฉันซึ่งใกล้จบ ม.ปลาย

ก็ได้รับการตอบรับจาก มหาวิทยาลัยของจังหวัดเช่นกัน

คืนนั้น พ่อได้นั่งสูบบุหรี่อยู่ที่สวนหลังบ้าน

ฉันแอบได้ยินพ่อพูดว่า

'
ลูกเราทั้งคู่เรียนดีเรียน ดีมากนะ'

แม่ซึ่งนั่งเช็ดน้ำตาอยู่ ข้างๆ พ่อได้พูดว่า

'
แล้วเราจะส่งเสียลูกทั้งคู่ ได้อย่างไรในเมื่อเราก็ไม่ค่อยมีเงิน'

ทันใดนั้น น้องชายของฉันได้เดินเข้าไปหาพ่อ แล้วพูดว่า

'
ผมไม่ต้องการเรียนต่อผมอ่าน หนังสือมามากพอแล้ว'

พ่อเหวี่ยงมือตบลงที่แก้ม ของน้องของฉันฉาดใหญ่

'
ทำไมถึงคิดโง่ๆ อย่างนี้

ต่อให้พ่อต้องไปเป็นขอทาน ข้างถนน

พ่อก็จะส่งแกทั้งคู่เรียนจน จบให้ได้'

คืนนั้นทั้งคืน พ่อได้เดินไปตามบ้านต่างๆ

ทั่วทั้งหมู่บ้าน....เพื่อขอยืมเงิน

ฉันค่อยๆ เอามือประคบแก้มบวมๆ

ของน้องชายเบาๆ และคิดว่า

'
ต้องให้น้องได้เรียนต่อไม่ เช่นนั้นเขาคงไม่อาจหลุดพ้นชีวิตลำบากเช่นนี้ไปได้'

แต่ในขณะเดียวกัน

ฉันก็ไม่อาจล้มเลิกความคิด อยากจะเรียนต่อไปได้

ใครจะรู้ได้ .......

วันต่อมาในตอนเช้ามืด


น้องชายของฉันได้ออกจากบ้าน ไปพร้อมทั้งเสื้อผ้าติดตัวเพียงไม่กี่ชิ้น

และถั่วเพียงเล็กน้อยเพื่อ ประทังความหิว

ก่อนไปเขาได้ทิ้งข้อความไว้ใต้หมอนของฉัน

ขณะฉันกำลังหลับ

'
พี่ครับ การจะเข้ามหาวิทยาลัยได้ ไม่ใช่ง่ายๆ นะ ....

ผมจะไปหางานทำ...แล้วจะส่ง เงินมาให้พี่'

ฉันนั่งอยู่บนเตียง

อ่านข้อความของน้องชายด้วย น้ำตานองหน้า .......

ฉันร้องไห้จนเสียงแหบแห้งไป
ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 17 ปี ส่วนฉันอายุ 20 ปี .....

ด้วยเงินที่พ่อยืมมาจากคนในหมู่ บ้าน

รวมกับเงินที่น้องชายของฉัน ได้รับเป็นค่าจ้างมาจากการทำงานเป็น

กรรมกรแบกหามที่ไซท์ก่อสร้างท่า เรือ .......

ฉันจึงสามารถเข้าเรียนมหาวิทยาลัย ได้จนถึงปี 3

วันหนึ่งขณะที่ฉันกำลังอ่านหนังสือ อยู่ในห้องพัก

เพื่อนร่วมห้องของฉันได้เข้ามาบอกว่า

'
มีชาวบ้านมาหาเธอ...อยู่ข้าง นอกแน่ะ'

ทำไมชาวบ้านถึงมาหาฉันล่ะ ???

ฉันเดินออกไปแล้วมองเห็นน้องชายของ ฉันยืนอยู่

ตัวของเขาเปรอะเปื้อนไปด้วย ฝุ่นปูนและทรายจากงานก่อสร้าง

ฉันถามเขาว่า

'
ทำไมไม่บอกเพื่อนพี่ไปว่า เป็นน้องชายพี่ล่ะ'


น้องชายของฉันตอบยิ้มๆ ว่า

'
ก็ดูผมสิสกปรกมอมแมมออกอย่าง นี้...ขืนบอกว่าเป็นน้องพี่ เพื่อนๆ

ก้อได้หัวเราะเยาะพี่กันพอดี'

ฉันค่อยๆ เอื้อมมืออันสั่นเทาไปปัดฝุ่นให้น้อง

และพยายามพูดด้วยเสียงเครือๆในลำคอ

'
พี่ไม่สนใจว่าใครจะพูดยังไง

เธอเป็นน้องของพี่ ไม่ว่าเธอจะดูเป็นอย่างไรก็ตาม'

จากนั้น น้องของฉันได้ล้วงบางอย่างออกมาจากกระเป๋ากางเกง

เป็นกิ๊บหนีบผมรูปผีเสื้อ . เขาติดกิ๊บให้ฉัน

แล้วพูดว่า

'
ผมเห็นสาวๆ ในเมืองเค้าติดกัน ผมเลยอยากให้พี่ติดบ้าง'

ฉันหมดเรี่ยวแรงลงในทันใด

ดึงน้องชายเข้ามาสวมกอดและร้องไห้ ซ้ำแล้วซ้ำเล่าเป็นเวลานาน

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 20 ปี ส่วนฉันอายุ 23 ปี

วันที่ฉันพาแฟนหนุ่มของฉันมาที่บ้านเป็น ครั้งแรก

ฉันสังเกตเห็นว่า

หน้าต่างบ้านที่เคยแตกไป ได้ถูกซ่อมเรียบร้อยแล้ว

เมื่อเข้าไปในบ้านก็เห็นว่าบ้านสะอาดขึ้น มาก

หลังจากที่แฟนของฉันกลับไป ฉันพูดกับแม่ว่า

'
แม่ไม่ต้องเสียเงินเพื่อทำ ความสะอาดบ้านกับซ่อมกระจก

เพียงเพราะหนูจะพาแฟนมาที่บ้านหรอกนะคะ'

แม่ยิ้ม แล้วพูดว่า

'
แม่ไม่ได้จ้างหรอก...น้อง ชายลูกต่างหาก

วันนี้เค้าขอเลิกงานเร็วเพื่อกลับมาทำความ สะอาดบ้าน

ลูกยังไม่เห็นมือน้องหรอก เหรอ

น้องโดนกระจกบาดตอนกำลัง เปลี่ยนกระจกบานใหม่น่ะ'

ฉันรีบเข้าไปหาน้องที่ห้อง นอนของเขา

ฉันรู้สึกเหมือนถูกเข็มนับ ร้อยเล่มทิ่มลงกลางใจเมื่อได้เห็นบาดแผลบนมือ

ฉันจับมือน้องเอาไว้อย่าง เบามือที่สุด ' เจ็บมากไหม'

ฉันถาม

'
ไม่เจ็บสักหน่อย พี่ก็รู้นี่ผมทำงานก่อสร้างนะ วันๆ

มีหินตกมาใส่เท้าผมเต็มไป หมด

แต่มันก็ไม่ได้ทำให้ผมคิด เลิกทำงานหรอกนะ

และ...'

น้องชายของฉันยังพูดไม่จบ ประโยค แต่ก็ต้องหยุดพูด

เพราะฉันหันหน้าหนีเขา

น้ำตาไหลอาบหน้าของฉันอีก ครั้ง

'
เพราะพี่เป็นพี่สาวของผมนี่ ครับ'

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ 23 ปี ส่วนฉันอายุ 26 ปี...

หลังจากนั้น ฉันก็ได้แต่งงานและย้ายเข้าไปอยู่ในเมือง

หลายครั้งที่สามีของฉันชักชวนให้ พ่อแม่ของฉันย้ายเข้ามาอยู่ในเมืองด้วยกัน.

แต่ท่านทั้งสองก็ปฏิเสธ

ท่านบอกว่า ท่านเคยย้ายออกจากหมู่บ้านครั้งหนึ่ง

แต่เมื่อออกไปแล้ว

ท่านไม่รู้จะทำอะไรดี

จึงได้ย้ายกลับเข้ามาใช้ชีวิตใน หมู่บ้านตามเดิม

น้องชายของฉันก็ไม่เห็นด้วยกับการที่จะให้ เขาและพ่อแม่ย้ายออกไป ...

เขาบอกกับฉันว่า

'
พี่คอยอยู่ดูแลพ่อและแม่ของ สามีพี่ทางนั้นเถอะผมจะดูแลพ่อและแม่ทางนี้เอง'

สามีฉันได้ขึ้นเป็นประธานของบริษัท ของ ครอบครัว

เราทั้งคู่อยากให้น้องชายของฉันเข้ามารับ ตำแหน่งผู้จัดการบริษัท
.

แต่น้องชายของฉันก็ไม่รับตำแหน่ง นี้

เขาขอเข้าทำงานในตำแหน่ง พนักงานธรรมดา

วันหนึ่ง น้องชายของฉันต้องปีนบันไดขึ้นไปซ่อมสายเคเบิล

และตกลงมาเพราะโดนไฟดูด

เขาถูกรีบหามส่งโรงพยาบาล

ฉันและสามีรีบไปเยี่ยมเขาที่โรง พยาบาล

น้องชายของฉันขาหักต้องเข้า เฝือกที่ขา
ฉันโกรธมาก จึงตวาดน้องไปว่า

'
ทำไมถึงไม่ยอมรับตำแหน่งผู้ จัดการ หา!!!

ถ้าเป็นผู้จัดการก็จะได้ไม่ต้องมาทำงาน เสี่ยงๆอย่างนี้

ดูตัวเองซิ...เจ็บเจียนตายอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยอมฟังพี่บ้! าง'

คำตอบจากปากน้องของฉันรวมถึงสีหน้า เคร่งเครียด

ยังยืนยันความคิดเดิมของเขา

'
พี่ลองคิดถึงพี่เขยสิครับ พี่เขยเพิ่งจะได้เป็นประธาน

ส่วนผมมันการศึกษาต่ำถ้าผมได้เป็นผู้ จัดการ

คงจะมีเสียงนินทาว่าร้ายเต็ม ไปหมด'

น้ำตาปริ่มดวงตาของฉันรวมทั้งสามี ของฉันด้วย .....

ฉันบอกกับน้องว่า

'
แต่ที่เธอไม่ได้เรียนต่อก็ เพราะพี่...'

'
ทำไมต้องพูดถึงเรื่องที่ผ่าน ไปแล้วด้วยล่ะครับ'

น้องชายของฉันจับมือฉันไว้

ตอนนั้นน้องของฉันอายุ  26 ปี ส่วนฉันอายุ 29 ปี...

เมื่อน้องชายของฉันอายุได้ 30 ปี

เขา! ได้แต่งงานกับผู้หญิงในที่ทำงานที่เดียวกัน

ในงานแต่งงาน ประธานในงานได้ถามน้องชายของฉันว่า

'
ใครคือคนที่คุณรักที่สุดใน ชีวิตนี้'

น้องชายของฉันตอบอย่างไม่ ลังเล ' พี่สาวของผมครับ' .....

และเขาก็เล่าเรื่องราวที่ แม้แต่ฉันยังจำไม่ได้

'
ตอนผมอยู่โรงเรียนประถม โรงเรียนอยู่อีกหมู่บ้านหนึ่ง
เราสองคนพี่น้องต้องใช้เวลา ถึง 2 ชม.

เพื่อเดินไปเรียน...และเดิน กลับบ้าน

วันหนึ่งในวันที่หิมะตกหนัก ผมทำถุงมือหายไปข้างหนึ่ง

พี่สาวผมจึงได้ให้ถุงมือของเธอข้างหนึ่ง

และเธอก็ใส่ถุงมือเพียงข้าง เดียวเดินเป็นระยะทางไกล

เมื่อเรากลับถึงบ้านมือเธอบวมแดงเพราะ อากาศหนาว

เธอไม่สามารถจับช้อนทานข้าว ได้ด้วยซ้ำ ....... นับจากวันนั้น

ผมสาบานกับตัวเอง

ว่าตลอดชีวิตของผม ผมจะดูแลพี่สาวของผมให้ดี

และจะทำดีกับเธอ'

เสียงปรบมือดังกึกก้องไป ทั่ว

สายตาทุกคู่ของแขกเหรื่อหัน มาจับจ้องที่ฉัน

คำพูดจากปากฉันออกมาอย่างยากลำบาก .......

'
ในโลกใบนี้คนเดียวที่ฉัน รู้สึกขอบคุณที่สุด คือน้องชายของฉันค่ะ'

ในวาระที่มีความสุขที่สุด เช่นนี้

น้ำตาได้รินไหลออกมาจากสอง ตาของฉันอีกครั้ง...

จงรัก และห่วงใยคนที่คุณรักในทุกๆ

วันในชีวิตของคุณและเขา

คุณอาจจะคิดว่าสิ่งที่คุณทำ ให้ใครสักคนเป็นเพียงสิ่งเล็กๆน้อยๆ

แต่สำหรับคนคนนั้นอาจจะมี ความหมายมากอย่างคาดไม่ถึง

.
ไม่ว่าเขาคนนั้นจะคือ

พ่อ แม่ พี่ น้อง ญาติ คนรัก เพื่อน

หรือแม้คนที่คุณไม่รู้จัก ก็ตาม

จบบริบูรณ์....

ปล.ปัจจุบันผู้เป็นพี่สาวอายุ 86 ปีตำรงตำแหน่งเป็นผู้บริหาร ใหญ่บริษัทฮุนไดและในเครือกว่า 20 บริษัท

น้องชายอายุ 83 ปีเป็นผู้ก่อตั้งบริษัทเล็กๆ ที่มีชื่อเป็นภาษาเกาหลีว่า

'
ซัมซุง'


และเรื่องราวของท่านทั้ง 2 คนกำลังถูกนำมาสร้างเป็นซี่ รี่ย์ โดยดาราเล็กๆ คนคือ ซอง เฮ เคียว และ ลี ดอง ฮุคครับ

บู มิง ฮอง
เล่าเรื่อง

วันจันทร์ที่ 21 มิถุนายน พ.ศ. 2553

แผนผังกระบวนการแก้ปัญหา คอมพิวเตอร์

แผนผังกระบวนการแก้ปัญหา คอมพิวเตอร์
Service Computer

    หมดปัญญาซ่อมเองทำอย่างไร ? ปัญหาหรืออาการเสียหลายอย่างจำเป็นจะต้องใช้ทักษะในการตรวจซ่อมสูง ซึ่งต้องอาศัยช่างที่มีความเชี่ยวชาญหรือชำนาญเป็นพิเศษ แต่ถ้าคุณไม่มีก็อย่าเสี่ยงซ่อมเอง เพราะอาจทำให้เกิดความเสียหายมากขึ้น ทางที่ดีส่งซ่อมดีกว่า เช่น งานบัดกรีอุปกรณ์อิเล็กทรอนิค เปลี่ยนแผ่นวงจรบนฮาร์ดดิสก์ ซ่อมเมนบอร์ด หลดภาพของจอมอนิเตอร์เสื่อม เป็นต้น ปัญหาเหล่านี้แนะนำให้ส่งซ่อมดีกว่า หรือถ้าอุปกรณ์ ยังอยู่ในประกันก็ส่งเคลมดีที่สุด

ข้อมูลจากหนังสือ ซ่อมคอมอย่างเซียนพันธ์ทิพย์
ที่มา : http://www.bcoms.net/problem_coms/service_step1.asp

วันพุธที่ 9 มิถุนายน พ.ศ. 2553

วิธีเพิ่มความเร็วเน็ต โดยที่ไม่ต้องอาศัยโปรแกรม

1.เพิ่มความเร็วในการเล่น internet
การใช้ internet บางครั้งก็เร็ว บางครั้งก็ช้า ขึ้นอยู่กับส่วนประกอบหลายอย่าง วิธีนี้ก็ทำให้ internet เร็วขึ้นและถูกวิธี

ไปที่ start---> run---> พิมพ์ gpedit.msc กด ok จะแสดงหน้าต่าง Group Policy
ที่ computer config เลือก Administrative Templates
หัวข้อ network เลือกที่ QoS Packet Scheduler
มองหน้าต่างขวามือ ดับเบิ้ลคลิกที่ Limit reservable bandwith
จะขึ้นหน้าต่างใหม่ Limit reservable bandwith Propoties เลือกแถบ
setting คลิกเลือกที่ช่อง Enable
ใน กรอบ Bandwith limit(%) ปรับเป็น 0 แล้วกด ok

2.MTU
เป็นหน่วยหนึ่งที่ใช้กำหนดค่าให้กับการ รับส่งข้อมูลผ่านระบบเครื่อข่าย ที่สูงสุดในการส่งแต่ละครั้ง
ถ้าเรา ตั้งค่าให้ค้นหาค่า MTU แบบอัตโนมัติ ก็จะทำให้ระบบสามารถทำงานได้อย่างมีประสิทธิมากขึ้น

ไปที่ Start---> run--->พิมพ์ regedit แล้วกด Ok
HKEY_LOCAL_MACHINE---> SYSTEM---> CurrentControlSet--->
Services--->
Tcpip---> Parameters
คลิกขวาที่ Parameters เลือก new > DWORD Value
ตั้ง ชื่อว่า EnablePMTUDiscovery
แล้วดับเบิ้ลคลิก พิมพ์ค่าเป็น * แล้วกด ok

3.เพิ่มการรับส่งข้อมูล MTU
การ เพิ่มค่า MTU ให้มากที่สุด ก็เป็นส่วนหนึ่งให้ระบบการรับส่งข้อมูลทางอินเตอร์เน็ตสามารถทำงานได้อย่าง มีประสิทธิภาพ

ไปที่ Start---> Run---> พิมพ์ regedit แล้วกด Ok
HKEY_LOCAL_MACHINE---> SYSTEM---> CurrentControlSet--->
Services--->
Tcpip---> Parameters---> interfaces
คลิ กที่หน้า interfaces จะมีหลายโฟลเดอร์ ให้คลิกขวาที่โฟลเดอร์แรก--->
new--> DWORD Value--->แล้วตั้งชื่อว่า MTU
แล้วดับเบิ้ลคลิกใส่ ค่า
ถ้า เป็น dial-up Connection ใส่ค่า = 576
ถ้าเป็น PPP Broadband Connecting ใส่ค่า = 1492
ถ้าเป็น Ethernet , DSL , Cable Broadband Connection ใส่ค่า = 1500

4.เปิดหน้าต่าง IE ให้ทำงานได้เร็วขึ้น
เมื่อใช้งาน IE ไปนานๆ โปรแกรมจะช้าลงทุกที สามารถทำให้เร็วเหมือนใหม่ได้

ไปที่ Start---> Run---> พิมพ์ regedit แล้วกด Ok
HKEY_LOCAL_MACHINE---> Software---> Microsoft--->
Windows---> CurrentVersion---> Explorer---> RemoteComputer--->
NameSpace
คลิกขวาที่โฟลเดอร์ D6277990-4C6A-11CF-8D87-00AA0060F5BF แล้ว delete
ที่มา:  http://eduserv.ku.ac.th/km/index.php?option=com_content&task=view&id=140&Itemid=68

เล่าเรื่องจิปาถะ